|
สัมภาระ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
|
|
1. หัตถภาระ คือ ถุงย่าม ห่อผ้า กระเป๋าถือ หีบหรือกระป๋องทุกชนิด ซึ่งผู้โดยสารนำไปในห้องรถโดยสารสำหรับ
|
|
ใช้สอยเอง หรือเพื่อความสะดวก
|
2. ครุภาระ คือ สรรพสิ่งของเครื่องใช้ทุกชนิด ซึ่งผู้โดยสารอจากนำไปในรถภาระ
|
|
|
อนุญาตให้นำสัมภาระไปพร้อมกับตัวผู้โดยสาร ในขบวนรถต่าง ๆ ได้
|
|
1. สัมภาระที่มีขนาดไม่เกินกว่า 50 x 50 x 50 ซม. หรือสัญฐานอย่างอื่นที่ไม่เกินปริมาตรเดียวกัน
|
|
2. สัมภาระที่ไม่ใช่วัตถุที่ไวไฟหรือเป็นสิ่งอันพึงรังเกียจ หรือสิ่งของส่งกลิ่นรุนแรง หรืออาจเปรอะเปื้อนทำความเสียหาย
|
|
แก่ส่วนประกอบรถ หรือต่อบุคคล หรือสิ่งของของผู้โดยสารอื่น
|
3. สามารถเก็บในที่วางของหรือใต้ม้านั่งได้โดยเรียบร้อย หากเป็นรถที่ไม่มีที่วางของหรือชั้นวางของก็อนุโลมให้วางไว้
|
|
ข้างที่นั่งในส่วนที่เป็นสิทธิของแต่ละคน (ตรงกับที่นั่งแต่ละคน) แต่ไม่ให้ล้ำเข้าไปในช่องทางเดินเกินจนไปปิดกั้นช่องทางเดิน
|
โดยสิ้นเชิง หรือกีดขวางการใช้สิทธิของผู้โดยสารอื่น และต้องไม่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนรำคาญกับผู้โดยสารอื่น
|
|
|
กรณีนำไปกับขบวนรถด่วน รถเร็ว รถธรรมดา รถรวม ขบวนรถพิเศษโดยสาร และขบวนรถดีเซลรางที่เดินนอกเหนือ
|
|
จากขบวนรถชานเมือง ( ต่อ 1 ท่าน )
|
ชั้นที่ 1 ไม่เกิน 50 กิโลกรัม
|
|
ชั้นที่ 2 ไม่เกิน 40 กิโลกรัม
|
|
ชั้นที่ 3 ไม่เกิน 30 กิโลกรัม
|
|
( เด็กในเกณฑ์เสียค่าโดยสาร อนุญาตให้นำไปครึ่งหนึ่งของอัตรา )
|
|
กรณีนำไปกับขบวนรถดีเซลรางชานเมืองที่ตั้งต้น และสุดปลายทางอยู่ภายในระหว่างสถานี
|
|
กรุงเทพ – ปราจีนบุรี – กรุงเทพ
|
กรุงเทพ – แก่งคอย – กรุงเทพ
|
กรุงเทพ – ลพบุรี – กรุงเทพ
|
กรุงเทพและธนบุรี – ราชบุรี – ธนบุรีและกรุงเทพ
|
|
ผู้ใหญ่ และเด็กในเกณฑ์เสียค่าโดยสาร อนุญาตให้นำไปได้ไม่เกินท่านละ 15 กิโลกรัม
|
|
การรถไฟฯ อนุญาตให้คนพิการนำรถเข็นซึ่งใช้เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนไหวเป็นสัมภาระติดตัวเดินทาง
|
|
ไปกับขบวนรถโดยสารได้ โดยไม่ต้องเสียค่าระวางใด ๆ
|
|
รถจักรยานยนต์ อนุญาตให้นำไปกับขบวนรถโดยสาร และรถรวมทุกขบวน โดยเสียค่าระวาง ดังนี้
|
|
|
ค่าระวางรวม = ค่าระวาง + ค่าธรรมเนียม 400 บาท + ค่าขนขึ้น 80 บาท + ค่าขนลง 40 บาท
|
|
|
ค่าระวางรวม = ค่าระวาง + ค่าธรรมเนียม 500 บาท + ค่าขนขึ้น 100 บาท + ค่าขนลง 60 บาท
|
|
|
การคิดค่าระวางสัมภาระ เป็นสัมภาระที่นำไปเกินน้ำหนักหรือปริมาตรที่อนุญาตไว้ต้องเสียค่าระวาง และค่าธรรมเนียม
|
|
ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด หากเป็นการกีดขวางที่จะนำเก็บไว้ในรถโดยสารก็ให้นำไปเก็บไว้ในรถที่ทำการพนักงานรักษารถ (พรร.)
|
|
1. กรณีนำไปกับขบวนรถด่วน รถเร็ว และขบวนรถพิเศษโดยสาร
|
|
น้ำหนักไม่เกิน 100 กก. – > ค่าระวางรวม = ค่าระวาง + ( จำนวนกลุ่ม x 30 )
|
น้ำหนักเกิน 100 กก. – > ค่าระวางรวม = ค่าระวาง +( 5 x 30 ) +( จำนวนกลุ่มที่เกิน 100 กก.x 40 )
|
|
2. กรณีนำไปกับขบวนรถธรรมดา และขบวนรถดีเซลรางอื่น ๆ
|
|
น้ำหนักไม่เกิน 100 กก. – > ค่าระวางรวม = ค่าระวาง + ( จำนวนกลุ่ม x 20 )
|
น้ำหนักเกิน 100 กก. – > ค่าระวางรวม = ค่าระวาง +( 5 x 20 ) +( จำนวนกลุ่มที่เกิน 100 กก.x 30 )
|
|
( จำนวนกลุ่ม คือ น้ำหนักของสัมภาระ ซึ่งการรถไฟฯ แยกเป็นส่วน ๆ ละ 20 กก.ต่อ 1 กลุ่ม เช่น 60 กก.คิดเป็น 3 กลุ่ม )
|
สัตว์มีชีวิต
|
สัตว์ปีก
|
นำไปได้ไม่เกิน 5 ตัว และน้ำหนักรวมไม่เกิน 30 กก.
|
ต้องผูกมัดหรือบรรจุที่คุมขังให้เรียบร้อย
|
ปริมาตรไม่เกินกว่าที่กำหนดไว้
|
ค่าระวางอัตราพิเศษ
|
ที่สถานี ตัวละ 10.00 บาท
|
ตรวจพบบนขบวนรถ ตัวละ 20.00 บาท
|
|
สัตว์มีชีวิตอื่น ๆ
|
เช่น สุนัข แมว เป็นต้น
|
ต้องบรรจุที่คุมขังมีฝาปิดให้เรียบร้อย
|
ยกเว้น สุนัขที่ไม่ดุร้ายไม่ต้องบรรจุที่คุมขังก็ได้
|
ค่าระวาง
|
คิดค่าระวางขั้นต่ำไม่น้อยกกว่า 50 บาท
|
บวก ค่าธรรมเนียม จำนวนกลุ่ม
|
|
ห้ามนำสัตว์ทุกชนิด เข้าไปในรถปรับอากาศ
|
|
|