Inbound marketing

Inbound Marketing ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาเราได้โดยไม่ต้องไล่แจกนามบัตร

Inbound Marketing ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาเราได้โดยไม่ต้องไล่แจกนามบัตร

Rate this item

(6 votes)

คำว่า Inbound Marketing นั้น อาจจะฟังดูเหมือนศัพท์ใหม่ทางด้านการตลาด แต่สำหรับผู้ที่ศึกษามาทางด้านการตลาด หรือมีประสบการณ์ทางด้านการตลาดมาแล้วก็จะทราบดีว่านั่นคือกลยุทธ์การตลาดแบบ “Pull” หรือการดึงลูกค้ามาสู่ธุรกิจ หรือมาซื้อสินค้าของตน โดยมิต้องไล่แจกนามบัตร หรือโบรชัวร์ นั่นเอง

คำนี้นิยมใช้การอย่างแพร่หลายในด้าน Online Marketing ที่หมายถึงกลยุทธ์ที่จะดึงดูดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลายเข้ามาสู่เวบไซต์ ของธุรกิจที่กำลังนำเสนอ เสมือนการเชื้อเชิญ หรือดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้เดินเข้ามาในร้านค้าของตนเพื่อให้เกิดโอกาสใน การนำเสนอขายสินค้าและบริการต่างๆ ที่ทางธุรกิจได้จัดเตรียมไว้ให้บริการ

การตลาดในอดีตจะเป็นลักษณะของ Outbound Marketing หรือ Push Strategy ที่ธุรกิจต้องพยายามผลักดันสินค้าออกสู่ตลาดผ่านช่องทางต่างๆ ไปยังลูกค้า ธุรกิจต้องตกเป็นรองในการเจรจาธุรกิจ ยอมที่จะขายสินค้าราคาต่ำๆ ตามพ่อค้าคนกลางต้องการเพื่อให้ขายสินค้าตนเองออกไปให้ได้ รวมไปถึงการโฆษณาต่างๆ ในการที่จะเป็นการผลักดันสินค้าและบริการของตนเองออกสู่ตลาดผ่านช่องทางในการโฆษณาต่างๆ ในลักษณะ Hard Core Advertising

inbound-marketing-table

Inbound Marketing เน้นการสื่อสารการตลาดที่กระทำกับลูกค้าผู้บริโภค (Consumer) แลผู้ที่เป็นผู้ซื้อ (Buyer) โดยตรง ในการที่จะสร้างความตระหนัก (Awareness) และการรับรู้ (Perceived) ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่างๆ ที่ธุรกิจนำเสนอ และหาซื้อสินค้าจากจุดจำหน่ายต่างๆ ที่ทางธุรกิจได้กำหนดไว้ด้วยตนเอง หรือการติดต่อเข้ามายังธุรกิจเพื่อหาซื้อสินค้าและบริการโดยตรง โดยมิต้องอาศัยการผลักดันสินค้าออกไปสู่ลูกค้าเป้าหมายโดยพ่อค้าคนกลาง และการสื่อสารการตลาดที่ทางธุรกิจดำเนินการขึ้นเองนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะไม่มีสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ทดแทนกันได้มานำเสนอให้กับลูกค้าเป้าหมายในคราวเดียวกัน

มี ผลการศึกษา การวิจัย จากหลายสถาบัน หลายสำนัก พบว่า Inbound Marketing นั้น มี ROI Rates สูงกว่า Outbound Marketing หรือ Push เทคนิค อยู่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทางด้าน Online Marketing ที่ได้รับความนิยมสูงมาในปัจจุบัน

หลักการที่สำคัญของ Inbound Marketing ทางอินเทอร์เน็ตนั้น คือการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตต่างๆ ที่มีอยู่ในการที่จะชักนำ หรือนำพาเอาผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเข้ามาสู่เวบไซต์ของธุรกิจเพื่อนำไปสู่การติดต่อเจรจาธุรกิจ หรือการซื้อขายสินค้าและบริการกันต่อไป ซึ่งมีสื่ออินเทอร์เน็ตจำนวนมากที่สามารถนำมาใช้กับกลยุทธ์การตลาดในลักษณะนี้ได้เป็นอย่างดี ดังภาพที่นำมาแสดงประกอบนี้ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีการต่างๆ มากมายที่ธุรกิจสามารถนำมาใช้ประกอบกลยุทธ์ได้ นอกเหนือจากการสร้างเวบไซต์ของธุรกิจไว้ใช้งานแต่เพียงอย่างเดียว

การนำสื่ออินเทอร์เน็ตมาใช้ประโยชน์ด้าน Inbound Marketing ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เพราะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ทั่วโลกเป็นจำนวนมาก และเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีสื่ออินเทอร์เน็ตจำนวนมากที่โรงแรมสามารถนำมาใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแต่ผู้นำมาใช้ต้องรู้จักการสื่อทั้งหลายที่มีให้บริการฟรีเหล่านี้ให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ และบูรณาการเข้าด้วยกันจึงจะมีประสิทธิภาพ และได้ประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับสื่ออินเทอร์เน็ตที่ต้องเสียค่าบริการแต่ได้ผลอย่างรวดเร็วด้วย

ในการพิจารณาเลือกใช้สื่ออินเทอร์เน็ตสำหรับกิจกรรมด้าน Inbound Marketing นั้น ต้องเลือกใช้สื่อที่ส่งผลทั้งในระยะสั้น และระยะยาวไปพร้อมๆ กัน สื่อที่ส่งผลระยะสั้นส่วนใหญ่จะเป็นสื่อในลักษณะของการโฆษณาในรูปแบบต่างๆ เช่น การโฆษณาป้ายแบนเน่อร์ การโฆษณาข้อความ ต่างๆ การเสียเงินเพื่อให้ธุรกิจอยู่ในบัญชีรายชื่อของทำเนียบธุรกิจสำคัญๆ (Paid Listing) รวมไปถึงการซื้อ Keyword สำคัญๆ มาใช้งานในด้าน SEO ส่วนสื่อที่จะส่งผลในระยะยาวนั้นจะช่วยธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน (Sustainable) อาทิ การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจภายในเว็บไซต์ในลักษณะของ Content Marketing การทำ Onpage และ Offpage SEO ให้กับเว็บไซต์ของโรงแรม การจัดสร้างเนื้อหาในลักษณะของ Blog หรือ Micro-site เพื่อสนับสนุนเว็บไซต์หลัก (Official Site) การสร้างชุมชนออนไลน์ (Community Building) ให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่ม และการใช้งาน Social Medias และ Social Networks ทั้งหลายเป็นเวทีในการสื่อสารข้อมูลกับลูกค้า และนำพาลูกค้าเข้ามาสู่ธุรกิจ เป็นต้น

ในการใช้กลยุทธ์ Inbound Marketing ที่ประสบความสำเร็จนั้นมักจะเกิดจากองค์ประกอบหลัก 3 ประการด้วยกันคือ

  1. เนื้อหา (Content) – การสร้างเนื้อหาเป็นหัวใจหลักของการใช้กลยุทธ์ Inbound Marketing ทั้งหลาย เนื้อหาในเว็บไซต์เป็นข้อมูลและเครื่องมือในการดึงดูดผู้คาดหวังที่จะได้เป็นลูกค้ามาสู่เว็บไซต์ของธุรกิจ หรือนำพามาสู่การติดต่อกับธุรกิจได้โดยตรง
  2. การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (Search Engine Optimization) – เป็นวิธีการที่จะช่วยให้ผู้ที่คาดหวังจะได้เป็นลูกค้า (Potential Customers) ค้นหาเนื้อหาต่างๆ ที่ธุรกิจของท่านกำลังนำเสนอได้ง่ายยิ่งขึ้น รวดเร็วขึ้น การสร้างความเชื่อโยงจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการหาซื้อสินค้าเพื่อชักนำผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมาสู่เว็บไซต์ และการเพิ่มอันดับการแสดงผลจากการค้นหาผ่านเครื่องมือค้นหาให้ดียิ่งขึ้นเป็นสิ่งที่พึงกระทำ
  3. สื่อสังคม (Social Media) – เปรียบเสมือนเครื่องขยายเสียง หรือกระจายข่าวเกี่ยวกับเนื้อหาที่ธุรกิจนำเสนอผ่านไปทางเครือข่ายสังคม (Social Networks) ต่างๆ และก่อให้เกิดการพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนคติต่างๆ เกี่ยวกับเนื้อหาที่ธุรกิจท่านกำลังนำเสนออยู่ ก็จะสามารถที่จะเกิดความสนใจในกลุ่มของผู้ที่เหมาะสมกับสิ่งที่ธุรกิจกำลังนำเสนอ และนำพามาสู่เว็บไซต์ของธุรกิจท่าน

inbound-marketing-components

ในช่วงที่ธุรกิจถดถอย และมีธุรกิจเกิดใหม่เข้าสู่การแข่งขันเพิ่มมากขึ้นมาเรื่อยๆ นั้น ธุรกิจส่วนใหญ่หันมาใช้กลยุทธ์ทางด้าน Inbound Marketing เพิ่มมากขึ้นเพราะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรทางด้านการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่ากลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิม และเหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มมายิ่งขึ้น

There are three specific ways Inbound Marketing improves on the efficiency of traditional marketing:

  1. It Costs Less (ต้นทุนที่ต่ำกว่า) – Outbound marketing เป็นกลยุทธ์ที่ต้องจ่ายเงินไปจำนวนมากในการซื้อโฆษณา ซื้อรายชื่อลูกค้าสำหรับส่ง E-mail หรือการเช่าบูทราคาแพงในการเข้าร่วมงานแสงสินค้าต่างๆ แต่ Inbound Marketing ที่เกิดจากการสร้างเนื้อหา และมีการพูดคุย หรือกล่าวถึงเนื้อหาที่สร้างขึ้นเพื่อนำเสนอทางธุรกิจผ่านทางเว็บบล็อกนั้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเริ่มดำเนินการ ในขณะที่การใช้ Twitter หรือ Facebook เพื่อการสื่อสารและพูดคุยกันในเครือข่ายทางสังคมก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่ประการใด แต่สามารถนำพาผู้คนจำนวนมากเข้าสู่เว็บไซต์ของธุรกิจได้ ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า (ROI) และคุ้มค่ากว่ากลยุทธ์ Outbound Marketing แบบดั้งเดิมเป็นจำนวนมาก
  2. Better Targeting (เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ดีกว่า) – การใช้เทคนิคการขายแบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นทำ cold-calling หรือการส่ง mass mail หรือ email campaigns นั้นล้วนเป็นวิธีการที่การที่ด้อยประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพราะรายชื่อต่างๆ ที่นำมาใช้ไม่ได้บ่งบอกว่าพวกเขามีความเหมาะสม หรือให้ความสนใจกับสินค้าและบริการที่กำลังนำเสนออยู่ แต่ถ้าบุคคลต่างๆ พยายามเข้าถึงเนื้อหาที่ทางธุรกิจกำลังนำเสนอ นั่นย่อมหมายความว่าพวกเขาเหล่านั้นมีความสนใจ และมีโอกาสที่จะซื้อสินค้าและบริการที่ธุรกิจกำลังนำเสนอ
  3. It’s an Investment, Not an Ongoing Expense (เป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนระยะยาว ไม่ใช่การใช้จ่ายสิ้นเปลือง) – การใช้สื่อโฆษณาไม่ว่าจะด้วยวิธีการ หรือผ่านช่องทางใดๆ แม้กระทั่งการซื้อโฆษณาในลักษณะ pay-per-click หรือ pay-per-impression ตามเครื่องมือค้นหาต่างๆ ประโยชน์และคุณค่าของโฆษณาเหล่านี้จะหมดไปในทันทีที่ธุรกิจเลิกโฆษณา และถ้าต้องการจะแสดงผลในลำดับต้นๆ ของเครื่องมือค้นหาต่างๆ ธุรกิจก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อ Keywords ต่างๆ อยู่ร่ำไป แต่ถ้าธุรกิจลงทุนในการจัดทำเนื้อหาที่ดีมีคุณภาพ และมีความเหมาะสมด้าน SEO ด้วยแล้ว ก็จะทำให้เนื้อหาคุณภาพที่ธุรกิจนำเสนออยู่ทางหน้าเว็บไซต์สามารถติดอันดับต้นๆ ในเครื่องมือค้นหาต่างๆ ในลักษณะของ Organic Search Result ได้ในระยะยาว จนกว่าจะมีเนื้อหาอื่นๆ ที่ดีกว่าเข้ามาทดแทน

กลยุทธ์ Inbound Marketing ที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นกลยุทธ์การตลาดที่มีต้นทุนต่ำมีประสิทธิภาพสูง แต่ต้องมีศิลปะในการสร้างสรรค์ และการบูรณาการข้อความและเนื้อหาต่างๆ ให้มีความเหมาะสมกับแต่ละสื่อที่เลือกใช้ และเกื้อกูลสนับสนุนต่อกันเป็นอย่างดี

Last modified on Monday, 28 April 2014 13:16

ใส่ความเห็น